MRU คืออะไร?
maximum receive unit (MRU)
วิธีการหาค่า MRU นั้นจะเหมือนกันกับการหาค่า MTU ฉนั้นขั้นตอนจึงเหมือนกันแทบทั้งหมดครับ
รูปที่ 1
ให้ผู้อ่านเรียกหน้าจอ command ขึ้นมาเลยครับ (วิธีเรียกหน้าจอ command)
คำสั่ง# ping weprovider.com -f -l 1464 (ต้องไม่เกิน 1540 ตามกฏ)
จากรูปที่ 1 เราใส่ option -f คือเราขอส่ง Packet ไปยัง weprovider.com โดยไม่ต้องแยกชิ้นส่วน Packet ซึ่งจากเดิมถ้าโรงงานตั้งมาให้เราเป็น 1500 เวลาเราส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ออกไปทุกครั้งก็จะเกิดการแยกชิ้นส่วน Packet ทำให้ข้อมูลส่งช้าขึ้นกว่าเดิมนิดเดียวครับ
รูปที่ 2
คำสั่ง# ping weprovider.com -f -l 1465 (ต้องไม่เกิน 1540 ตามกฏ)
จากรูปที่ 2 คราวนี้ผมเพิ่มค่า MRU จากเดิม 1464 ผมเพิ่มเป็น 1465 แล้วลอง ping Packet ออกไปเหมือนเดิมแต่ผลปรากฏว่า Packet Reply กลับมาแจ้งให้เราทราบว่า Packet ที่คุณส่งออกไปต้องแยกชิ้นส่วนก่อนนะ คุณจะแยกชิ้นส่วน Packet จริงๆ ใช่ไหมทำนองนั้นครับ ซึ่งถ้าคุณยอมแยกชิ้นส่วนตามที่ Packet Reply กลับมาก็ได้ครับระบบไม่ได้ว่าห้ามเรา แต่ค่าที่ใส่เมื่อบวก 28byte แล้วต้องไม่เกิน 1540 และค่าที่สามารถใส่ได้ต่ำสุดคือ 68 ครับ
**หลังจากเราได้ค่าที่เหมาะสมกับเครื่องแล้ว เราจะต้องเผื่ออีก 28 byte ครับ (20 byte คือจำนวนของ ip header และอีก 8 byte คือ จำนวนของ ICMP header) ฉนั้นค่าที่ผมได้คือ 1464+28 = 1492 ผมก็จะนำค่า 1492 นี้ไปใส่บน Router หรือ อุปกรณ์ที่รองรับในส่วนของ MRU นั่นเองครับ
วิธีเปลี่ยนค่า MRU
ค่า MRU นั้นจะอยู่ในส่วนของการตั้งค่าบน Router หรือ Switch ครับ เมื่อเราได้ค่า MRU มาแล้ววิธีต่อไปคือนำค่าที่ได้ไปเปลี่ยนบนอุปกรณ์ของเราครับ โดย Menu MRU ของ Router แต่ละยี่ห้อก็แตกต่างกันออกไปแต่สุดท้ายก็คล้ายๆ กันหาไม่อยากครับ
หวังว่าบทความ MRU จะเป็นประโยชน์ และครายข้อสงสัยของแต่ละท่านได้ไม่มากก็น้อย ยังมีบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจที่ผมได้รวบรวมไว้ใน IT-BOLT แห่งนี้ติดตามกันด้วยนะครับ..
ขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น