บทความล่าสุด

Wi-Fi คืออะไร? ออกแบบยังไง ให้มีประสิทธิภาพต่อองค์กร

What is Wireless Fidelity?
Wi-Fi คืออะไร สำคัญยังไงต่อองค์กร


Wi-Fi (Wireless Fidelity) ในบทความนี้ขอใช้คำว่า Wireless Access Point นะครับ ซึ่งปัจจุบันนับว่าเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในการทำงานต่อบริษัทสมัยใหม่ทุกประเภท โดยในมุมมองของพนักงานทั่วไปที่ไม่ใช่แผนกไอที การใช้งานก็จะตอบโจทย์มาก เพียงนำ Laptop เข้ามาในบริษัทก็สามารถใช้เน็ตได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเสียบสาย LAN อีกต่อไป

แต่ปัญหาไม่ใช่แค่นั้น บางองค์กรได้เลือกใช้อุปกรณ์ราคาถูกมาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เช่นเลือกใช้ Wi-Fi ที่มีแค่เสา 2x2 SU-MIMO แต่จุดนั้นมีพนักงานนั่งอยู่ 50 คน แถมยังออกแบบระยะครอบคลุมสัญญานที่ไม่ถูกต้อง เช่น ห่างกันเกินไป ใกล้กันเกินไป จึงทำให้เกิดปัญหา Wi-Fi หลุด หรือ ช้า จนพนักงานใช้งานไม่ได้ สุดท้ายทัวร์ก็จะไปลงที่แผนกไอทีนั่นเองครับ

Wi-Fi Router คืออะไร? เรียกง่ายๆ คืออุปกรณ์กระจายสัญญาน Internet แทนสาย LAN เพื่อให้อุปกรณ์ IoT(Internet of Things ) สามารถสร้าง Connection ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเดินสาย LAN ให้ยุ่งยากอีกต่อไป แต่ถ้าพูดถึง Wi-Fi Router ตัว Scope มันจะอยู่แค่ครอบคลุมการใช้งานระดับ บ้าน, ทาวน์เฮ้าส์, ธุรกิจขนาดเล็ก เท่านั้น ผู้ให้บริการจึงได้ออกแบบ Mesh WiFi ขึ้นมา เช่น บ้านนึงได้ Wi-Fi Router 3 ตัว โดยทั้ง 3 ตัวนั้นจะสร้าง Channel รับส่งข้อมูลกันแบบ Real Time ทำให้บ้านระดับ ทาวน์โฮม, บ้านเดี่ยว, สามารถใช้งานได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

แล้วอะไรที่ต้องใช้ Wi-Fi? จริงๆ อุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่แทบทุกอย่างจะออกแบบให้สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi แบบไร้สายได้ อาทิ เช่น
  • มือถือ, โน๊ตบุ๊ค ที่ต้องการใช้งาน Wi-Fi เพื่อให้ได้ความเร็วที่มากขึ้นในการใช้งาน
  • ระบบ Smart Home (บ้านอัจฉริยะ ไร้สายแลน) ควบคุม หรือ ตรวจเช็ค จากนอกบ้านได้ เช่น
    • เครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี, หลอดไฟ, แอร์, เครื่องเสียง, โปรเจคเตอร์, หุ่นยนต์
    • ระบบรักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด, ระบบกันโขมย, ระบบสื่อสาร (Intercom)
    • ประตูรั้วบ้าน, ประตูบ้าน, น้ำพุเต้นระบำ, สั่งรดน้ำต้นไม้ผ่าน Application
ซึ่งปัจจุบันมีใช้งานตั้งแต่ Wi-Fi 4 ถึง Wi-Fi 7 ต่างกันที่เรื่องความเร็วในการรับส่งและความสามารถในการหาช่องสัญญาน (Channel) ที่มากขึ้น ทำให้ไม่เกิดการชนกันของสัญญาน (Collision) อีกทั้ง Wi-Fi รุ่นใหม่ เช่น 6E และ 7 จะให้ความสำคัญของค่าความหน่วงต่ำ (Latency) เป็นอย่างมาก โดยเล่นเกมส์พร้อมกัน 10 คนในจุดเดียวก็ไหลลื่นตามมือ และ Wi-Fi 7 ยังมาพร้อมความเร็ว รับ-ส่ง สูงถึง 40Gbps/วินาที! ซึ่งการที่เราจะเทส Bandwidth ความเร็วขนาดนั้นก็จะต้องมี ตัวรับ ตัวส่ง สัญญานที่รองรับมาตราฐาน Wi-Fi 7 และ Switch ที่มีค่า Forwarding Rate หรือที่เรียกกันว่า Throughput สูงๆ หน่อย เพื่อใช้ทำการทดสอบความเร็ว

ชื่อมาตราฐาน IEEE 802.11 จำเป็นต้องเรียกอยู่ไหม? (Institute of Electrical and Electronics Engineers ) แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ถูกนำมาใช้งานบน Laptop เครื่องแรกของโลก โดยใส่อยู่ใน Apple iBook ได้สำเร็จในปี 2542(1999) และใช้กันตั้งแต่นั้นมาจนปัจจุบันได้ถูกพัฒนาไปถึง WiFi 7 แล้ว และ IEEE ได้ให้ชื่อเรียกใหม่แบ่งเป็น Generation ได้เลย ไม่จำเป็นต้องเรียกค่า Standard 802.11 กันอีกต่อไป 

ปัจจุบัน Wi-Fi 0 - 3 ได้มีการเลิกใช้งานไปแล้ว


ภาพสัญลักษณ์ Gen ใหม่มาตราฐานสากล


ภาพสัญลักษณ์ Wi-Fi 7 ล่าสุด โดยยังไม่มีแผนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ


ตารางค่ามาตราฐานความเร็ว




ออกแบบยังไงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด (สำหรับธุรกิจ)

การออกแบบระบบเครือข่ายไร้สายที่ดีจะต้องคำนึงหลายสิ่งดังนี้
  1. ผนังกำแพง เหล็ก สมาร์ทบอร์ด กรณีติดตั้งตาม ห้องพัก โรงแรม ให้คำนึงถึงวัสดุที่ใช้เป็นประตูและความหนาของผนัง ถ้ามีการเสริมแผ่นเก็บเสียงไม่ควรติด Wi-Fi หน้าห้องแล้วแบ่งกันใช้แบบเดิมเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากจะโดน Drop สัญญานไปเยอะมาก ควรออกแบบไปติดในห้องพักเลย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลดการถูกต่อว่าเนื่องจากเน็ตหลุดจากแขกที่มาพัก ต่อให้เป็นของระบบ High End Brand ตัวละ 30,000 ก็เจอปัญหาแน่นอนครับ วิธีที่แนะนำคือลดสเปกลงมาแต่เลือกแบรนด์ที่ติดตลาดเช่น Cisco, Aruba, UniFi หรือใช้เกรดราคาประมาณ 7,000 บาท   
  2. ให้ความสำคัญกับ PoE หรือ PoE+ เพราะระบบ Wi-Fi จะเจอปัญหาจาก PoE เสียเป็นหลัก จ่ายไฟไม่นิ่ง บางครั้งอาจทำให้ระบบรับไฟของ Wi-Fi มีปัญหาใช้ไปสักพักแล้วหลุดๆ ติดๆ เพี้ยนๆ ก็มี เช่นกัน
  3. แหล่งจ่ายไฟต้องมีสายดิน อันนี้สำคัญเลยบ้าน หรือ อาคาร ที่เราไปติดตั้งจะต้องไม่ถูกไฟดูด ถ้ามีไฟดูด รับรองใช้ไปนานๆ WiFi เพี้ยนไวขึ้นแน่นอนครับ
  4. ต้องมี MU-MIMO เพื่อให้ทุกเสาช่วยกันปล่อยสัญญานออกไปยังปลายทางได้เร็วขึ้น แน่นอนตัวรับก็ต้องมีเทคโนโลยี MU-MIMO สำหรับรวมไฟล์เช่นกัน
  5. ต้องมี Beamforming เพื่อให้ AP สามารถปรับกำลังส่งไปยังอุปกรณ์ปลายทางเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเพิ่มกำลังส่งที่มากขึ้น ทำให้เกิดการป้องกันช่องสัญญานนั้นๆ ขณะ รับ - ส่งข้อมูล ได้ดีมากยิ่งขึ้น
  6. ต้องมี Internet มากกว่า 1 ISP เพื่อทำงานคู่กับเทคโนโลยี SD-WAN เพื่อป้องกัน Internet ล่ม
  7. ต้องมี Link LACP เพื่อให้ท่อไม่เกิดความแออัดสำหรับออก Internet
  8. ควรมี Controller เพื่อให้สามารถเลือก Channel แบบ Auto ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บางครั้งถ้าเลือกใช้ Controller Less จะเกิดปัญหา Channel ชนกันได้ เช่น บางครั้งจะไปวิ่งช่อง Channel ของ Radar ก็มี ซึ่งจะทำให้ Access Point ต้องเปลี่ยน Channel บ่อยและ Client ก็จะหลุดบ่อยๆ อีกทั้ง Controller ยังช่วยในการจัดการ SSID แบบระบุ Zone ได้ละเอียดกว่า เช่น ให้ AP จุดนี้ปล่อยแค่ชื่อเดียว ก็สามารถระบุได้ ถ้าเป็น Controller Less ก็จะทำไม่ได้ (แต่ในอณาคตอาจทำได้) ซึ่งตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือสร้าง SSID เพิ่ม และปล่อยไปยัง AP ทุกตัว ซึ่งปัญหาคือ SSID จะขึ้นมาเยอะมาก
แล้ว Access Point แบบ Controller Less เหมาะกับอะไร?  เทคโนโลยีนี้ยังเหมาะกับ บ้าน, ธุรกิจขนาดเล็ก, คฤหาสน์, มากกว่า ถามว่าใช้กับขนาดใหญ่ได้ไหม ได้เหมือนกัน แต่ปัจจุบันบาง Feature ยังทำไม่ได้แบบ Controller นะครับ ฉนั้นถ้าคุยกับลูกค้าแล้วต้องการ Feature เท่านี้ก็เพียงพอ ต่อให้เป็นระดับ มหาชนก็ใช้แบบ Controller Less ได้ครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าใจ Feature ของ Controller Less มากน้อยแค่ไหน

แล้วจะหาผู้ให้บริการ Manage Service เพื่อออกแบบระบบ Wi-Fi Access Point ให้กับองค์กร มีที่ไหน? KIRZ Manage Wi-Fi ผู้ให้บริการ Internet มาอย่างยาวนาน ซึ่งผู้อ่านที่กำลังหาวิธีลดค่าใช้จ่าย หรือ ทีมไอทีกำลังตกในภาวะถูกกดดันเรื่อง Internet หลุด ลองติดต่อทาง KIRZ ให้เข้าไปคุยและแนะนำ Solution ต่างๆ กับบริษัทท่านได้นะครับ บางทีการให้คนที่มีประสบการณ์จริงๆ หลายๆ Site เข้าไปช่วยแก้ปัญหาผมว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีมากต่อองค์กรนั้นๆ ครับ

สรุป ถ้ามีเคสที่ติดตาม ห้องพัก โรงแรม หรือ บริษัท ที่สามารถติดตามห้อง หรือ ติดบนหัวได้เลยก็แนะนำใช้เสา 2x2 MU-MIMO ก็เพียงพอ แต่ถ้าได้โจทย์มาให้ติดตามทางเดินเท่านั้นควรเสนอเสาแบบ 8x8 MU-MIMO ไปเลย ซึ่งแน่นอนแพง แต่ป้องกันเรื่องระบบมีปัญหาของผู้ออกแบบได้เยอะครับ ส่วนระยะห่างต่อแถวไม่ควรเกิน 40 เมตร หรือ ถ้าเป็นระดับองค์กรควรเลือกใช้เกรดราคา 35,000 ขึ้นไปครับ แต่แนะนำให้เรียกเจ้าของแบรนด์ หรือ ผู้เชี่ยวชาญของแบรนด์นั้นๆ มาพูดคุยเรื่อง Feature กันก่อนว่าควรเลือก Model ไหนดี



ขอบคุณครับ 

ไม่มีความคิดเห็น