บทความล่าสุด

Network attached storage (Create volume)

How to install NAS software

หัวข้อต่อเนื่องกัน
  1. Network attached storage (Install Harddisk)
  2. Network attached storage (Install Software)
  3. Network attached storage (Create RAID5)
  4. Network attached storage (Add Disk RAID)


สำหรับขั้นตอนนี้ คือการสร้างรูปแบบการเก็บข้อมูล ว่าต้องการความยืดหยุ่นและ Function ในการใช้งาน NAS ระดับไหน ซึ่งจะมีให้เลือก 3 ระดับ คือ
  • Static Volume
    • เป็น Storage volume ระดับพื้นฐานที่สุดครับ สำหรับผู้ใช้ QNAP Turbo NAS แบบ 2-bay น่าจะใช้ Storage volume แบบนี้เหมาะสมที่สุด เมื่อเลือก Volume แบบนี้แล้ว เนื้อที่ทั้งหมดที่กำหนด จะถูกนำมาใช้กับ Volume นี้ ข้อดีคือ เพราะเนื้อที่ถูกกำหนดเอาไว้ชัดเจน และถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เลยส่งผลให้ประสิทธิภาพของการทำงานดีที่สุดในบรรดา Storage volume 3 ประเภทที่มีให้เลือก แต่ข้อจำกัดก็คือ ขาดความยืดหยุ่นครับ ถ้าใช้ Storage volume แบบนี้ ฟีเจอร์บางอย่างอาจจะใช้ไม่ได้ เช่น Snapshot backup เป็นต้น … แต่ก็อย่างที่บอก หากเป็นแบบ 2-bay ก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะฟังก์ชั่น Snapshot มันจะกินเนื้อที่ฮาร์ดดิสก์ไปบางส่วน ไม่เหมาะสำหรับรุ่นที่รองรับฮาร์ดดิสก์แค่สองลูก ที่โอกาสเพิ่มความจุจำกัด แถมยังต้องการสเปกหน่วยความจำ 4GB ขึ้นไปด้วยอ่ะนะ แต่หากคุณใช้ QNAP Turbo NAS รุ่นที่สเปกสูงหน่อย แรม 4GB รองรับฮาร์ดดิสก์ 4 ลูก ทำ RAID5 ได้ อะไรแบบเนี้ย ไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ Static Single Volume ครับ มันจะทำให้ขาดฟีเจอร์บางอย่างไปอย่างน่าเสียดาย ยกเว้นว่าคุณจะต้องการประสิทธิภาพสูงๆ และคิดว่ายังไงๆ ก็ไม่ได้ใช้ฟีเจอร์จพวก Snapshot backup หรือไม่ได้ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งาน
  • Thick Volume
    • ทีนี้หากต้องการประสิทธิภาพที่สูง แต่ยังต้องการความยืดหยุ่น เผื่อเอาไว้บ้าง แนะนำ Thick Volume ครับ สำหรับมือใหม่หัดใช้ QNAP Turbo NAS และต้องการเผื่อไว้สำหรับการใช้งาน โดย Volume แบบนี้ จะให้เรากำหนดว่าอยากจะให้มีเนื้อที่เตรียมพร้อมไว้เท่าไหร่ เราจึงสามารถกำหนดได้ว่าใน Storage pool นึง จะมีกี่ Volume และเราก็จะสามารถทำได้ทั้ง Thick volume และ Thin volume หลายๆ อันใน Storage pool เดียว … อันนี้ ถ้าจะให้เทียบกับคอมพิวเตอร์ มันก็คงเทียบได้กับว่า Storage pool คือฮาร์ดดิสก์ครับ และ Volume ก็คือการแบ่งพาร์ติชั่นนั่นเอง Think volume ก็คือ ฮาร์ดดิสก์ลูกเดียว แบ่งพาร์ติชั่นเอาไว้ เราสามารถแบ่งพาร์ติชั่นได้หลายพาร์ติชั่นฉันใด เราก็สามารถมี Volume ได้หลาย Volume ใน Storage pool เดียวฉันนั้นนั่นแหละ ผมมองว่า Think volume นี่จะเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปมากที่สุดแล้วล่ะ โดยเฉพาะคนที่ซื้อรุ่น 4-bay ขึ้นไปแรมซัก 4GB ขึ้นไป จะได้ใช้ฟีเจอร์ได้ครบๆ ด้วยน่ะ
  • Thin Volume
    • แต่หากเราต้องการความยืดหยุ่นแบบถึงขีดสุด ก็ต้องเลือกเป็น Thin Volume นี่แหละ เพราะ Storage volume ประเภทนี้ จะไม่ต้องการเนื้อที่เก็บข้อมูลทางกายภาพในระหว่างการสร้าง Volume ครับ จะใช้ก็เฉพาะอีตอนที่จะเขียนข้อมูลลงไปจริงๆ นั่นแหละ ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจะสามารถกำหนดขนาดของ Volume ให้มีขนาดใหญ่กว่าเนื้อที่ความจุจริงๆ ที่มีได้ และจะมี Thin volume หลายๆ อัน อยู่ใน Storage pool เดียวได้ แต่การเลือกใช้ Storage volume ประเภทนี้ ข้อจำกัดก็คือ ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงครับ ความยืดหยุ่นนี้ มันให้ประโยชน์ในการใช้เนื้อที่ฮาร์ดดิสก์อย่างคุ้มค่า เต็มประสิทธิภาพที่สุด สำหรับการใช้งานในระดับองค์กรครับ ผมจะลองยกตัวอย่างนะ เช่น เรามี Storage pool ความจุ 4TB ถ้าเราทำเป็น Static single volume หรือกำหนดเป็น Thick volume ที่เมื่อกำหนดเนื้อที่เอาไว้แล้ว มันจะถูกจองเอาไว้เลย คนอื่นห้ามใช้ … พอเอาเนื้อที่นี้ไปให้ Server A ใช้ แล้วมันเก็บข้อมูลแค่ 500GB เท่านั้น ก็เท่ากับว่าอีก 3.5TB นี่เสียเปล่าเลย แต่ถ้าเกิดเราทำเป็น Thin volume ขึ้นมา 2 volume แล้วกำหนดเนื้อที่เป็น 3TB ในแต่ละ volume จะเห็นว่าเนื้อที่รวมคือ 6TB ซึ่งมากกว่าเนื้อที่ฮาร์ดดิสก์ที่เรามีอยู่จึง (คือ 4TB) แต่ในกรณีนี้ Server A และ Server B จะมองว่าตัวเองมีเนื้อที่เก็บข้อมูล 3TB ครับ ซึ่งในความเป็นจริง Server ทั้งสอง ก็ไม่ได้เก็บข้อมูลเต็มเอี้ยดอยู่แล้ว ฉะนั้น นี่จึงเป็นการใช้เนื้อที่ได้คุ้มค่าครับ และในกรณีที่ในอนาคต Server A และ Server B เกิดใช้เนื้อที่เยอะขึ้นมาจริงๆ ก็สามารถอัพเกรดฮาร์ดดิสก์เพื่อเพิ่มความจุได้ในภายหลัง สรุปว่าThin volume นี่ คนทั่วไปอย่างเราๆ ท่านๆ นี่ไม่จำเป็นต้องใช้ครับ ให้ผู้ใช้งานระดับองค์กรเขาใช้กันเหอะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก กาฝาก ที่ได้เขียนอธิบายเกี่ยวกับ Storage Pool ไว้อย่างละเอียดครับ


ขั้นตอนการสร้าง Storage Pool

จากภาพที่ 1 เข้าสู่หน้า Web Gui ของ NAS เลือกที่ Control Panel \ Storage Snapshots

ภาพที่ 1
ภาพที่ 2

จากภาพที่ 2 เลือกรูปแบบเป็น Thick Volume ระบบจะคำนวณ HDD ที่เราต่ออยู่ทั้งหมด \ กด Next

ภาพที่ 3

จากภาพที่ 3 เลือกพื้นที่ทั้งหมด (Set to Max) แล้วกด Next

ภาพที่ 4

จากภาพที่ 4 ตรวจสอบความเรียบร้อยกด Finish

ภาพที่ 5

จากภาพที่ 5 ระบบจะทำการ Synchronize Service และสร้าง Folder ที่จำเป็นสำหรับการใช้งาน





ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น