แชร์ประสบการณ์สอบ Huawei HCIE Expert Certificate

Huawei Expert Career Certification

ปัจจุบันนี้ Certificate ถือมีความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากการสอบ Certificate สามารถบ่งบอกได้ถึงความพยายามในการสอบ การขวนขวายหาความรู้ รวมถึงการใช้เทคนิคต่างๆ ในการสอบ เพื่อให้สอบผ่าน ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของบุคคลนั้นๆ ได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ยกตัวอย่าง บริษัทยักษ์ใหญ่เปิดรับสมัคร พนักงาน คนแรกไม่มี Certificate อะไรเลยแต่เรียนจบมหาลัยดัง แต่คนที่ 2 มี Certificate ระดับ Expert(HCIE) หรือ ระดับ Professional(HCIP) สำหรับสายงานตัวเองแต่จบมหาลับไม่ดัง ถามว่าบริษัทจะพิจรณาเลือกคนไหน แน่นอนต้องเลือกคนที่ถือ Certificate เนื่องจากถ้าบริษัทเข้าใจบริบทของการนำ Certificate ไปใช้ในงาน TOR / Lock เพื่อยื่น Bid ประมูลงาน บริษัทสามารถกำหนด TOR ใหม่โดยบังคับต้องมีผู้เชี่ยวชาญ หรือ ถือ Certificate สำหรับในการติดตั้งระบบนั้นๆ ลงไปด้วยก็ได้ และนี่แหละคือข้อได้เปรียบของผู้มี Certificate ต่างๆ อีกทั้งยังสามารถเรียกเงินเดือนเพิ่มมากขึ้นได้ด้วย

ซึ่งแน่นอน วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์การสอบตัว HCIE ให้ผ่าน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับทุกท่าน และขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อให้ได้มันมา

สำหรับสอบ Expert Level ทางฝั่ง Huwaei นั้นจะได้ Rewards ต่างๆ มากมายไม่ต่ำกว่าครึ่งแสนแน่นอน แถมยังมีโอกาสได้ไปอบรมดูงานที่บริษัทแม่ Huawei ที่ประเทศจีนฟรีอีกด้วย อีกทั้งถ้าคุณสอบผ่านแล้วได้มีโอกาส Live แชร์ประสบการณ์ผ่าน o3community หรือ เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ o3 จัดขึ้น คุณก็อาจได้ Point มาแลกเป็นของรางวัลได้ฟรีๆ

ซึ่งถ้าเทียบความยากในการสอบระหว่าง Cisco CCIE กับ Huawei HCIE ผมให้เท่ากัน แต่สิ่งที่เราลงทุนไปหล่ะอันไหนตอบแทน และเห็นค่าเรามากกว่า ตอบได้เลยครับคือฝั่ง Huawei HCIE (แนะนำให้สอบ Huawei ครับ)

แน่นอนว่า ในการ Sharing ต่างๆ ของ Expert Level นั้นสามารถสมัครสมาชิก และ เข้าระบบเพื่อดูย้อนหลังได้ตลอด 24 ชม. ยกตัวอย่างเคสที่ผม Sharing ไว้ก็สามารถไปกดดู ให้กำลังใจกันได้ครับ

ก่อนจะเข้าประสบการณ์สอบอยากจะแชร์ ข้อดีข้อเสียของ TAC Support กันก่อน

ข้อดีของ Huawei Support คืออะไร

- มีทีม Support Expert เป็นคนไทย และคนจีน (ทุกครั้งที่มีการเปิด TAC Request ได้เลย)

- มาตรงตามนัด อยุ่ช่วยเราตลอดเวลาจนขึ้นระบบเสร็จ

- เมื่อ TAC คนแรกแก้ปัญหาไม่ได้ จะมี TAC Team หลายสิบคนเข้ามารุมแก้ปัญหาทันที

- มีการประเมินความพึงพอใจ และนำไปปรับใช้จริงกับพนักงานของ Huawei

- ซึ่ง Huawei ไม่มีข้อเสียครับ (ในการ Support ครับ)

ข้อเสียของ Cisco Support คืออะไร

- ไม่มีทีม Support Expert เป็นคนไทย มีแต่ฝั่ง Partner และ Distributor ที่ Support ให้กับ ลูกค้ากันเอง

- มีทีม Support จากฝั่งอินเดีย ไม่มีล่ามแปล ต้องใช้ Translator เอาเอง

- มาไม่ตรงตามนัดอย่างแน่นอน ต้องคอยย้ำเตือนผ่านอีกเมลเสมอ ว่าจะมาหรือเปล่าต้องรอลุ้น และก็ไม่มาจนนัดล่มไม่ได้ทำการประชุมแต่อย่างใด โดนลูกค้าต่อว่าซ้ำอีก

- ไม่มีการประเมินความพึงพอใจ และนำไปปรับใช้จริงกับพนักงานของ Cisco หมายถึงถ้าจะร้องเรียน TAC Cisco ไม่สามารถทำได้เลย

- TAC Cisco ต่างประเทศชอบนั่งแก้ปัญหาคนเดียว เมื่อแก้ไม่ได้ก็ปล่อยผ่าน ให้นัดอีกครั้ง ไม่มีการเพิ่ม TAC Team เข้ามาระดมความคิดแก้ปัญหาหลายๆ คน ทำให้ปิดงานไม่ได้เป็นหลายเดือน

- ซึ่งในตอนนี้ผมยังหาข้อดีของ Cisco (ในการ Support) ไม่ได้ครับ

ทั้งนี้ นี่คือจากประสบการณ์จริงเจอเองกับตัวหลายครั้งมาก ซึ่งถ้าให้เลือก Brand ไหนตอนนี้ระหว่าง Cisco กับ Huawei ผมแนะนำให้เลือกซื้อสินค้าระดับ Enterprise ของ Huawei เท่านั้นครับ

ลำดับการสอบ

สิ่งแรกที่ต้องทราบคือ ในการไต่ระดับขึ้นไปจาก Associates level ---> Professional level ---> Expert level เป็นสิ่งจำเป็นไหม

คำตอบคือ ไม่จำเป็น

การสอบ Certificate ของ Huawei นั้นสามารถกระโดดข้ามไป Expert Level ได้เลย ไม่จำเป็นต้องผ่าน HCIA ---> HCIP มาก่อน

แต่ในการสอบ HCIP หรือ HCIE นั้นจะต้องสอบอย่างละ 2 วิชา ถึงจะได้ออกมาเป็น 1 ใบเต็ม แต่ก็จะมี HCIP บางวิชาเท่านั้นที่สอบเพียง 1 ใบก็จะได้ใบเต็มเลยเช่น HCIP-Security

ยกตัวอย่างถ้าเราอยากได้ Certificate ระดับ HCIP ก็เพียงพอ ในสาย Datacom นั้นจะต้องสอบ 2 ใบ ซึ่งก็คือ
HCIP-Datacom-Core Technology (บังคับสอบก่อนไป Datacom ตัวอื่น)
HCIP-Datacom-Advanced Routing & Switching Technology (สาขาวิชาที่เราถนัด)

ถึงจะได้ HCIP-Datacom Routing & Switching เต็ม 1 ใบ และแน่นอนว่า ใน Datacom ของ Huawei นั้นก็จะมีสายอื่นๆ อีกเช่น
HCIP-Datacom-Enterprise Network Solution Design
HCIP-Datacom-Network Automation Developer
HCIP-Datacom-SD-WAN Planning and Deployment
และอีกมากมาย
แน่นอนว่าการจะไปสอบสายอื่นของ Datacom นั้น ต้องมี HCIP-Datacom-Core Technology (บังคับสอบ) ก่อนเสมอ

แชร์ประสบการณ์สอบ HCIE Storage

มาเริ่มกันครับ

เราจะต้องเข้าไปที่ Huawei talent หรือ ค้นหาด้วย Google ว่า Huawei certificate carrier

จากนั้นไปที่ Storage > HCIE-Storage

จากนั้นไปที่ Exam จะเห็นได้ค่าระบบให้สอบ 2 วิชา คือ

1. ข้อเขียนรหัส H13-629 (คือ Single-Choice, MultiChoice, DragDrop, Short anwser)
ค่าสอบ 300USD
ต้องผ่านที่ 600 คะแนน หรือประมาณ 45 ข้อ
สอบ 120 นาที
2. ข้อสอบปฏิบัติ H13-636 (สอบที่ G-tower เท่านั้น)

ค่าสอบ 8000CNY ประมาณ 38,000 บาท
ต้องผ่านที่ 80%
ใช้เวลาสอบ 8 ชั่วโมง (อาจขอเพิ่มได้ 1 ชม.)
ข้อสอบโดยส่วนใหญ่เป็นคำถามที่อยู่ใน Scenario Lab guide (ด้านล่าง)
เราต้องฝึกทุก Lab ให้คล่องเพื่อไปสอบ
ในข้อสอบจะมี 2 คำถาม Essay (ตอบแบบบรรยายข้อความ 1 หน้า A4) เช่น จะโดนถามว่า Hyper-Snap มีหน้าที่อะไร และจงบอกถึงการทำงานของ Hyper-Snap โครงสร้างพื้นฐานเป็นอย่างไร จะแนะนำลูกค้าให้ใช้ Hyper-Snap อย่างไร จงแจกแจกกระบวนการทำงานอย่างละเอียด ซึ่งถ้าตอบ Essay ถูก 2 ข้อก็อาจได้ 10-20 คะแนน
ข้อสอบ LAB จะให้คะแนนเป็นชุดๆ เช่น เมื่อเราเข้า WebUI ได้ และสร้าง Lun 1TB Mapping กับ Host Fusion Compute สำเร็จ ระบบจะให้เรา Capture จอภาพ (เฉพาะตอนที่เราทำเสร็จ สร้าง Lun Mapping เสร็จ) ไม่ต้อง Capture ทุกภาพ หรือ ทุกขั้นตอน ซึ่งถ้าเราทำถูกเราก็จะได้ 2-5 คะแนน แล้วแต่ความยากของข้อนั้นๆ

จากนั้นไปที่ Learning เลื่อนลงมาด้านล่าง

Huawei นั้นไม่กั๊กการเรียนรู้แบบ Cisco ตัว Training materials และ Lab Guide รวมทั้ง Mock Exam สามารถโหลดอ่าน และทดลองสอบ Mock Exam ได้ฟรีๆ ไม่ต้องไปเรียนรู้จากแหล่งอื่นเลย

ซึ่งแน่นอนใน Training จะใช้เป็นแหล่งความรู้สำหรับสอบข้อเขียน และ Lab Guide คือข้อสอบปฏิบัติ ซึ่งถ้าเราอ่าน Training Materials ทั้งหมดแล้วจำได้นั่นหมายความว่า คุณสอบผ่านแน่นอน

มาดูในส่วนของ Lab Guide กันบ้าง

แน่นอนว่า Lab ต้องได้รับการฝึกฝนจริงๆ ถ้าเราอ่านอย่างเดียวแบบ Training Materials นั้นถ้าไปสอบ ก็ตกแน่ๆ ฉนั้นวิทีที่จะสามารถทำให้เราได้ใช้ Lab ก็มีอยู่ 2 วิธีคือ

1. ซื้อบริการจาก eLab Huawei (ติดต่อตรงกับ Huawei)

2. ถ้าคุณเป็น Partner หรือ SI หรือ EndUser สามารถขอครอสเรียน Lab ได้จาก Huawei หรือ Partner ที่เราซื้อของได้ฟรี โดยจะมีจดหมายเชิญหน้าตาประมาณนี้

ซึ่งถ้าได้ครอสเรียน 5-7 วันแล้ว นั่นแหละคือข้อสอบจริงๆ จะมี Environment จริง ให้เราเข้าผ่านเครื่อง Jump Host ไปยัง eLab Server จากนั้นเราก็ฝึกตาม Lab Guide ที่เป็น PDF ของทาง Huawei ได้เลย และนอนนอนมันไม่ง่าย เราต้องเข้าใจ Topology ต่างๆ ก่อน ถึงจะเริ่มลงมือปฏิบัติจริง

เมื่อฝึกซ้ำๆ จนจำกระบวนการได้ เวลาสอบจริงก็จะทำได้เอง และแน่นอนว่า บางอย่างอาจไม่เหมือนใน PDF Guide คุณจะต้องจินตนาการเอาเอง ว่า Menu ที่ไม่เหมือนกันนั้นมันไปหลบอยู่ตรงไหน ยกตัวอย่างเช่นผม เจอ คำถามเกี่ยวกับ DME Storage ซึ่งผมไม่ได้จับของจริงใน eLab เลย ผมได้แต่นั่งดู PDF ที่เป็น Lab Guide จนเข้าใจ และใช้มือกดลม แล้วจินตนาการเอาว่าจะเข้าตรงนี้นะ ตรงนู้นนะ โดยที่ไม่ได้กด eLab จริงๆ และสุดท้ายผมเจอข้อสอบ DME Storage จริงๆ ผมใช้จินตนาการของผมทั้งหมด และอาศัยความรู้ที่มี และคิดว่าใช่ในการเชื่อมต่อ DME Storage กับ Devices ต่างๆ ได้สำเร็จ โดยไม่เคยฝึกของจริง

เช่นเดียวกันคุณก็ทำได้ แต่อย่างน้อยๆ ควรได้เริ่มต้น eLab หรือ เข้าไปเรียน eLab ฟรีจากครอสเรียนต่างๆ เสียก่อน

จะเห็นว่าเวลาสอบ 8 ชม. นั้นดูเหมือนจะเยอะมาก ซึ่งในการสอบจริงๆ คุณจะต้องนั่งเริ่มทำความเข้าใจกับระบบ Capture และการ Login รวมทั้ง Environment ที่ให้เรามาเป็นตารางๆ ซึ่งตอนเริ่มนี้แหละคือจุดยากที่สุด ใช้เวลาไปเกือบ 2 ชม. กว่าผมจะเข้าใจโจทย์ และขั้นตอนที่เค้าให้ทำ ฉนั้นเตรียมตัวให้พร้อม อ่านให้ไวนึกให้ออก ถ้าไปช้าแบบผม 2 ชม. จนเกือบถอดใจเดินออกจากห้อง เพราะนึกไม่ออกว่าต้องทำอะไร จนสุดท้ายนึกออกถึงได้เริ่มที่ ชม.ที่ 3 ซึ่งทำให้ผมเกือบส่งภาพขั้นตอนสุดท้ายตอน 2 นาทีสุดท้ายไม่ทัน (เรียงภาพ Capture) ผิด และอีกหลายๆ อย่างเข้ามากดดัน ถ้าฟุ้งซ่าน หรือ ถอดใจเมื่อไหร่ ผมก็จะไม่ได้ HCIE แน่นอน

สำหรับการจองสอบข้อเขียน (Written) สามารถจองสอบที่ https://www.pearsonvue.com/ ได้เลย เลือก Online หรือ Onsite ก็ได้

สำหรับการจองสอบ Lab (Lab 8Hour) ต้องติดต่อ Vendor Huawei โดยตรง หรือ Channel ที่ดูแล Account ของ Huawei ของเรา และทำการนัดสอบผ่าน E-mail เท่านั้น โดยคน Huawei จะเป็นคนจองห้องสอบให้เราทั้งหมด เรามีหน้าที่เดินเข้าไปสอบ

ในขณะสอบจะมีผู้คุมสอบนั่งประกบข้างๆ ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ แอบอ่าน ใดๆ ได้ เข้มงวดมาก