บทความล่าสุด

วิธีแก้ปัญหา ไวไฟช้า ไม่เสถียร สำหรับ Controller Less WiFi

Cisco Model C9105AXI-S

Cisco Embedded Wireless Controller on Catalyst Access Points

วิธีแก้ปัญหา WiFi หลุด หรือเครื่อง Client หาคลื่นใหม่บ่อยทุกๆ 10 วิ - 3 นาที


ปัญหานี้ส่วนใหญ่จะเกิดกับ Cisco AP ผู้เขียนได้เจอปัญหากับตัวเองโดยเฉพาะกับ Cisco C9105AXI-S ซึ่งเป็น Model แบบ 2X2 MU-MIMO แต่ถามว่าการทะลุทะลวงต่างจาก 4X4 MU-MIMO ไหมตอบได้ว่าต่างกันครับแทบจะอ้างอิงจาก DataSheet ไม่ได้ ถ้าจะซื้อใช้งานให้บริษัทแนะนำรุ่น 4X4 MU-MIMO ขึ้นไปเท่านั้นครับ ไม่ควรใช้แบบเสา 2X2 เพราะจะมีเรื่อง Performance เข้ามาเกี่ยวข้องครับ ใช้เกรดระดับกลางๆ จะดีที่สุดครับ

โดยจะขอยกตัวอย่างปัญหาที่เจอดังนี้

  1.  Client อยู่ชั้น 3 แต่มาเกาะ Wifi ชั้น 1
  2.  Client WiFi หลุดบ่อย โดยเฉพาะ Macbook
  3.  Client ที่ใช้โทรศัพท์แบบ WiFi เช่น โทรศัพท์ Grand Stream Model wp820 ชอบไปเกาะ AP ตัวไกลๆ นอกห้อง ไม่ยอมเกาะตัวใกล้ๆ
  4. Client เมื่อนั่งอยู่ใต้ WiFi แต่กลับไม่เกาะ ดันไปเกาะตัวที่อยู่หลังกำแพง หลังผนัง ซึ่งทำให้ Speed Drop ลงจนทำงานไม่ได้
  5. Access Point ต้องโดนปิดการใช้งาน 2.4GHz เพราะ Client ใช้งานแล้วหลุดตลอด ก็ยังแก้ไม่หาย ซึ่งจะกระทบกับ Device ที่เป็น 2.4GHz (ในความจริงไม่ต้องปิด)
  6. Access Point ไม่ Roaming อุปกรณ์ Roaming ช้าและหลุด
ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีการตั้งค่าต่างๆ ให้ระบบ Access Point ของเรากลับมาใช้งานได้ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz กันครับ

ก่อนอื่นเข้าใจเรื่อง RX-SOP (Receive Start of Packet (RX-SOP)


RX-SOP Threshold (dbm) มันคือการตั้งค่าการตัดสินใจว่าจะเตะ Client ที่เกาะ WiFi ของตัวเองอยู่เมื่อได้ Signal ติดลบ - เกิน กี่ dBm โดยปกติของ Cisco จะมี 4 รูปแบบ คือ
  • Auto ระบบจะคำนวณอัตโนมัติ แต่ถ้าในพื้นที่ๆ ติด AP เป็นจำนวนมาก Auto จะสร้างปัญหาได้
  • Medium  5GHz -78 | 2.4GHz -80
  • High        5GHz -76 | 2.4GHz -75
  • Low         5GHz -80 | 2.4GHz -85
ซึ่งค่าดังกล่าวเป็นค่ามาตรฐานของทาง Cisco ยกตัวอย่างค่า High จะเหมาะกับบริษัทที่ติด AP ใกล้ๆ กัน หลายๆ ตัว จะช่วยเรื่องของการเตะออกจาก AP ตัวเดิมไปยัง AP ตัวใหม่ได้ดียิ่งขึ้น เช่น เราอยู่ใต้ AP1 เกาะได้ -50 dBm แต่เดินไปใต้ AP2 อีกจุดนึงได้ -76 dBm AP1 จะเตะเราออกทันที เราก็จะมาเกาะตัว AP2 ได้ดีขึ้นเหมือนเราคำนวณให้ AP เลยว่าแต่ละจุดควรจะเตะที่เท่าไหร่ ถ้าเราปรับเป็น Auto ก็จะมีโอกาสที่จะเจอว่าเดินมาตั้งไกลแล้วทำไมยังเกาะ AP ตัวเดิมอยู่ ซึ่งจะทำให้ใช้งาน Internet ไม่ได้ หรือ ได้ Speed ต่ำมาก

จากการทดสอบ Model C9105AXI-S ในส่วนของสัญญาน 5GHz ถ้าได้ -79 dBm นี่ก็คือว่าใช้งานแทบไม่ได้ ถ้าเป็นพวกโทรศัพท์ไร้สายภายในที่เกาะ WiFi เช่น Grand Stream wp820 เวลาคุยกันเสียงก็จะมาๆ หายๆ ซึ่งปัญหานี้จะแก้ได้ดีก็ต้องเปิด 2.4GHz เข้ามาช่วย แต่ปัจจุบันหลายๆ ที่ก็มักจะปิดคลื่น 2.4GHz กันแล้วเนื่องจาก Speed มันไม่ทันใจ และอาจโดนสัญญาน Interference กับอุปกรณ์หลายๆ ตัว ทำให้ Network Engineer หลายๆ ที่จึงเลือกที่จะเปิดเฉพาะ 5GHz แต่ก็ยังตั้ง 2.4GHz อีกชื่อไว้รองรับเป็นทางเลือกอยู่




วิธีแก้ปัญหา Wifi หลุดบ่อยของ Cisco ตัวนี้ คือ
  1. เปิด Fast Transition and OverDS
  2. ตั้งค่า 802.11 Operation Rates 
  3. ตั้งค่า Profile Thresholds for Traps
  4. ตั้งค่า Coverage Hole Detection
  5. ตั้งค่า Dynamic Channel Assignment
  6. ตั้งค่า Rx SOP and Client Distribution
หมายเหตุ: เป็นการตั้งค่านี้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นของทางผมเท่านั้น ทางผู้อ่านอาจต้อง Tuning เพิ่มเติมในส่วนต่างๆ และทดสอบดูตามแต่ละหน้างานครับ โดยการตั้งค่านี้เหมาะกับการใช้งาน Roaming เช่น เครื่อง handheld, เดินไปประชุม, เดินคุยโทรศัพท์ หรือ พนักงาน ผู้บริหารที่ต้องเดินบ่อยๆ 

เปิด Fast Transition and OverDS

จากภาพที่ 1
  • เข้าไปที่ Configuration > Advanced Mode
  • เลือก SSID ที่มีปัญหา
  • ไปที่ Security > Layer 2
  • FT Enable
    • อนุญาตให้อุปกรณ์ที่รองรับ 802.11r ทำ Roaming ได้รวดเร็ว
    • ถ้า Disable อุปกรณ์ต้องทำ Full authentication ใหม่ทุกครั้งเมื่อ Roaming
  • Over the DS
    • Roaming จะเกิดผ่าน backbone WLC ทำให้ตัว AP ไม่ต้องติดต่อกันโดยตรง
    • เหมาะสำหรับระบบเครือข่ายที่มีระบบจัดการศูนย์กลาง เช่น Cisco WLC หรือ EWC
  • Reassociation Timeout = 5
    • เป็นระยะเวลาสูงสุดที่ client จะต้องทำการ reassociate กับ AP ใหม่หลังเริ่ม fast transition
    • หากเกินเวลานี้ client จะต้องเริ่มกระบวนการใหม่

ภาพที่ 1

ภาพที่ 2

ตั้งค่า 802.11 Operation Rates 

จากภาพที่ 2
  • ตั้งค่า RF Profile โดยสร้าง RF 5GHz และ 2.4GHz ทำเหมือนกันทั้ง 2 ส่วน
  • Operation Rates ปิดตามภาพ

ภาพที่ 3

ตั้งค่า Profile Thresholds for Traps

จากภาพที่ 3
  • Interference 
    • เมื่อสัญญาณรบกวน (interference) จากแหล่งอื่นเกิน 50% จะ trigger trap หรือแจ้งเตือน
  • Clients 
    • ถ้ามี client เชื่อมต่อกับ AP เกิน 80 คน จะ trigger trap แสดงว่า AP อาจแน่นเกินไป
  • Noise
    • ถ้า noise floor สูงกว่า -75 dBm (ค่าตัวเลขน้อยลง เช่น -70, -60 = แย่) จะถือว่า noise สูงผิดปกติ
ภาพที่ 4

ตั้งค่า Coverage Hole Detection

จากภาพที่ 4
  • Data RSSI Threshold (dBm)
    • หาก client มีค่า RSSI สำหรับ data ต่ำกว่า -75 dBm ถือว่าสัญญาณอ่อนเกินไป (ค่า RSSI ยิ่งต่ำ สัญญาณยิ่งแย่)
  • Voice RSSI Threshold (dBm)
    • กำหนดเกณฑ์เฉพาะสำหรับ Voice client เช่น VoIP / Wi-Fi calling ซึ่งต้องการสัญญาณที่ดีกว่า
  • Exception Level (%)
    • หากมี client ที่มี RSSI ต่ำกว่า threshold มากกว่า 15% ของทั้งหมด ระบบจะถือว่าเกิด Coverage Hole และสามารถแจ้งเตือนหรือปรับพลังงานส่ง (Tx Power) ของ AP ได้
WLC จะตรวจสอบว่า ในแต่ละช่วงเวลามี client ที่ได้รับสัญญาณต่ำกว่าค่าที่ตั้งไว้หรือไม่ ถ้าพบว่า client ที่มี RSSI ต่ำกว่าค่าเกณฑ์มีจำนวนเกิน Minimum Client Level และยังมากกว่า Exception Level ที่กำหนด ระบบจะ ส่ง trap แจ้งเตือน (SNMP หรือ syslog) หรือสั่งให้ AP ปรับเพิ่มกำลังส่ง (ถ้าเปิดฟีเจอร์ RF Management)

ภาพที่ 5

ตั้งค่า Dynamic Channel Assignment

จากภาพที่ 5
  • Avoid Interference
    • ถ้า AP ที่อยู่นอกระบบส่งสัญญาณแรงเกิน จะหลีกเลี่ยงการใช้ช่องสัญญาณเดียวกัน
  • Zero Wait DFS 
    • DFS (Dynamic Frequency Selection) คือการใช้ช่องสัญญาณพิเศษที่อาจชนกับเรดาร์ (เช่นช่อง 52-144) ปกติถ้า AP ตรวจพบเรดาร์ จะหยุดใช้งานช่องนั้นทันทีและ “รอเวลา” ก่อนใช้ใหม่ Zero Wait DFS คือให้ ใช้ช่อง DFS ได้ทันที หลัง reboot โดยไม่ต้องรอช่วง observation
    • เหมาะสำหรับ AP รุ่นใหม่ที่สามารถตรวจจับเรดาร์ได้อย่างแม่นยำ
  • Best Channel 
    • Best (DBS) เหมาะกับการใช้งานทั่วไปที่มี client หลากหลาย
  • Disable 120 124 128 DCA Channels 
    • ไม่ปล่อย Channels DFS เรดาร์อาจวิ่ง Channels นี้เยอะ
ภาพที่ 6

ตั้งค่า Rx SOP and Client Distribution

จากภาพที่ 6
  • Rx SOP Threshold (dBm) = Medium
    • SOP = Signal Overlap Prevention คือการตั้งเกณฑ์ความแรงของสัญญาณขั้นต่ำที่ AP ยอมรับ
    • ถ้า client มี RSSI ต่ำกว่าค่านี้ AP จะ ไม่ยอมรับสัญญาณ หมายความว่าจะบังคับให้ client ไปเชื่อมต่อกับ AP ที่ใกล้ หรือ แรงกว่านั่นเอง
    • ค่าที่ใช้ได้: Low, Medium, High (หรือระบุเป็น dBm เช่น -85, -80, -75)
    • หาก client ไม่ roaming อัตโนมัติ อาจเพิ่มเป็น High
  • Load Balancing Window = 20
    • หมายถึงช่วงเวลาที่ AP จะพิจารณาว่า client ควรจะถูก loadbalance ไปยัง AP อื่นหรือไม่ (ค่าตามจำนวน client ถ้าเกาะ AP ถึง 20 คนจะเริ่มทำการ loadbalance ถ้าไม่ถึงจะไม่ทำการ loadbalance)
  • Load Balancing Denial Count = 10
    • ให้โอกาส client loadbalance ได้หลังโดนปฏิเสธหลายครั้ง ป้องกัน client เกาะไม่ได้



ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น